โครงการร่วมลงทุน

Thumbnail
โครงการการให้เอกชนร่วมลงทุนในการพัฒนาและบริหารจัดการศูนย์บริการทางหลวงศรีราชา บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร - บ้านฉาง ช่วงชลบุรี - พัทยา

กระทรวงเจ้าสังกัด กระทรวงคมนาคม หน่วยงานเจ้าของโครงการ กรมทางหลวง ระยะเวลาโครงการ 32 ปี วันที่ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน 19 กันยายน 2567 เอกชนคู่สัญญา บริษัท เดอะ เรส วิลเลจ จำกัด มูลค่าโครงการ ประมาณ 1,672 ล้านบาท รายละเอียดโครงการ           ที่พักริมทาง (Rest Area) เป็นองค์ประกอบสำคัญตามมาตรฐานการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองของกรมทางหลวง สำหรับเป็นจุดแวะพักเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้บริการแก่ผู้ใช้เส้นทาง เช่น ที่จอดรถ ศาลาพักผ่อน ห้องน้ำ ร้านอาหาร ร้านขายของ สถานีบริการน้ำมัน และการบริการอื่น ๆ เป็นต้น โดยตามข้อกำหนดกรมทางหลวง เรื่อง มาตรฐานและลักษณะที่พักริมทางในเขตทางหลวงพิเศษและทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. 2566 ได้จำแนกที่พักริมทางออกเป็น 3 ประเภท ตามขนาดของพื้นที่ คือ ที่พักริมทางหลวงขนาดใหญ่ หรือเรียกในชื่อ “ศูนย์บริการทางหลวง (Service Center)” ที่พักริมทางหลวงขนาดกลาง หรือเรียกในชื่อ “สถานที่บริการทางหลวง (Service Area)” และที่พักริมทางหลวงขนาดเล็ก หรือเรียกในชื่อว่า “จุดพักรถ (Rest Stop)” ซึ่งแต่ละประเภทจะมีข้อกำหนดเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกและการจำหน่ายสินค้าและบริการแตกต่างกันไป          สำหรับทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร – บ้านฉาง ช่วงชลบุรี – พัทยา ซึ่งปัจจุบันได้เปิดให้มีการสัญจรของผู้ใช้ทางแล้ว กรมทางหลวงได้กำหนดให้มีที่พักริมทาง ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 93+500 ในเขตพื้นที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยจัดเป็นประเภทที่พักริมทางขนาดใหญ่ เรียกในชื่อว่า “ศูนย์บริการทางหลวงศรีราชา” เพื่อเป็นจุดแวะพักสำหรับผู้ใช้ทาง ในการผ่อนคลายอิริยาบถจากการเดินทางเป็นระยะเวลานาน อันจะเป็นการอำนวยความสะดวก ความปลอดภัย และเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ผู้ใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สำหรับการเดินทางและขนส่งสินค้าระหว่างกรุงเทพมหานครและปริมณฑลสู่จังหวัดทางภาคตะวันออกของประเทศ รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.doh-motorway.com/rest-area-m7/ongoing-sriracha-service-center/

19 ก.ย. 2567 อ่านต่อ
Thumbnail
โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์)

กระทรวงเจ้าสังกัด กระทรวงคมนาคม หน่วยงานเจ้าของโครงการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ระยะเวลาโครงการ 30 ปี วันที่ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน 18 กรกฎาคม 2567 เอกชนคู่สัญญา บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)มูลค่าโครงการ ประมาณ 235,320 ล้านบาท รายละเอียดโครงการ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีระยะทางรวมทั้งสิ้น 35.9 กิโลเมตร เป็นโครงสร้างทางวิ่งใต้ดิน 27 กิโลเมตร และโครงสร้างทางวิ่งยกระดับ 8.9 กิโลเมตร จำนวน 28 สถานี แบ่งเป็นสถานีใต้ดิน 21 สถานี และสถานียกระดับ 7 สถานี โดยมีแนวเส้นทางเริ่มต้นที่สถานีบางขุนนนท์ ซึ่งเป็นอุโมงค์ใต้ดินวิ่งไปตามแนวทางรถไฟเดิมไปยังโรงพยาบาลศิริราช บริเวณสถานีศิริราช จากนั้นจึงวิ่งลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาขนานไปกับสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ลอดใต้พื้นที่ถนนราชดำเนิน ผ่านสนามหลวง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แล้วเบี่ยงแนวเส้นทางไปตามแนวถนนหลานหลวงจนถึงแยกยมราช เลี้ยวขวาไปตามถนนเพชรบุรีจนถึงสี่แยกประตูน้ำ เลี้ยวซ้ายลอดใต้ถนนราชปรารภตรงไปถึงสามเหลี่ยมดินแดง แล้วจึงเลี้ยวขวาไปตามถนนดินแดง หลังจากนั้นจึงเลี้ยวซ้ายตามแนวถนนวิภาวดีรังสิต แล้วเลี้ยวขวาผ่านกรุงเทพมหานคร 2 และเบี่ยงขวาลอดผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์ ไปยังสถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จากนั้นแนวเส้นทางจะวิ่งขนานไปตามแนวถนนพระรามเก้าไปยังสถานี รฟม. ลอดใต้คลองแสนแสบ ก่อนเลี้ยวซ้ายไปตามถนนรามคำแหง ผ่านแยกลำสาลี ไปจนถึงบริเวณคลองบ้านม้า ก่อนเปลี่ยนแนวทางวิ่งจากอุโมงค์ใต้ดินเป็นทางวิ่งยกระดับ และวิ่งตามแนวถนนรามคำแหงไปจนถึงบริเวณคลองสองที่สถานีมีนบุรี ก่อนสิ้นสุดแนวเส้นทางที่สถานีสุวินทวงศ์ บริเวณสามแยกรามคำแหง – สุวินทวงศ์ รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม : - https://www.mrta.co.th/th/the-orange-line - https://mrta-orangelineeast.com/th/home

18 ก.ค. 2567 อ่านต่อ
Thumbnail
โครงการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

กระทรวงเจ้าสังกัดกระทรวงคมนาคมหน่วยงานเจ้าของโครงการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)ระยะเวลาโครงการ 20 ปี วันที่ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน 11 กุมภาพันธ์ 2547 เอกชนคู่สัญญา บริษัท ดับบลิวเอฟเอสพีจี คาร์โก้ จำกัด (บริษัทฯ) มูลค่าโครงการ N/A รายละเอียดโครงการบริษัทฯ ได้รับสิทธิให้เข้าดำเนินโครงการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีขอบเขตการให้บริการ ดังนี้             1. การให้บริการคลังสินค้าขาออก ประกอบด้วย รับสินค้าจากตัวแทนผู้ขนส่งสินค้า รวมรวมและจัดเรียนสินค้าเข้าตู้ Container หรือแผ่น Pallet ออกหมายเลข MAWB และ HAWB ให้กับสินค้าที่รับมาจากตัวแทนผู้ขนส่งสินค้า จัดหาสถานที่ในการจัดเก็บสินค้าที่ได้รับการบรรจุในตู้ Container หรือแผ่น Pallet เรียนร้อยแล้ว จัดเตรียมสินค้าที่ได้รับการบรรจุในตู้ Container หรือแผ่น Pallet เพื่อส่งมอบให้ผู้ประกอบการบริการภาคพื้น จัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวกับสินค้าขาออก             2. การให้บริการคลังสินค้าขาเข้าประกอบด้วย รับสินค้าจากผู้ประกอบการบริการภาคพื้นคัดแยกสินค้า จัดเตรียมสถานที่ในการจัดเก็บสินค้า ตู้ Container และแผ่น Pallet จัดเตรียมสินค้าเพื่อส่งมอบให้กับตัวแทนผู้ขนส่งสินค้าที่มารับสินค้า จัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวกับสินค้าขาเข้า             3. การให้บริการคลังสินค้าส่งผ่าน ประกอบด้วย จัดเตรียมสถานที่ในการจัดเก็บสินค้าส่งผ่าน คัดแยกสินค้าและจัดเรียงสินค้าเข้าตู้ Container หรือแผ่น Pallet ที่เตรียมไว้ จัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวกับสินค้าส่งผ่านบริษัทฯ ตกลงที่จะทำสัญญาเช่าที่ดินกับ ทอท. เป็นสัญญาแยกต่างหาก รูปแบบโครงการ BTO (Build Transfer and Operate) โดยบรรดาสิ่งปลูกสร้างและส่วนควบต่างๆ ของอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่บริษัทฯ สร้างขึ้นตามสัญญานี้ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐทันทีนับแต่การก่อสร้างเสร็จสิ้น รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม : - https://www.airportthai.co.th/th/home/ - https://www.airportthai.co.th/wp-content/uploads/2025/03/CARGO.pdf

11 ก.พ. 2567 อ่านต่อ
Thumbnail
โครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม

กระทรวงเจ้าสังกัด กระทรวงคมนาคม หน่วยงานเจ้าของโครงการ กรมขนส่งทางบก ระยะเวลาโครงการ 30 ปี วันที่ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน 5 เมษายน 2566 เอกชนคู่สัญญา บริษัท เอสเอแอล จํากัด มูลค่าโครงการ ประมาณ 1,361 ล้านบาท รายละเอียดโครงการ โครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าตู้คอนเทนเนอร์หรือสินค้าบรรจุหีบห่อ (Break - Bulk Cargoes) และเพื่อเป็นศูนย์ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ท้าให้สามารถดำเนินพิธีการน้าเข้าและส่งออกได้ในจุดเดียว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ให้บริการขนส่งของไทยให้สามารถท้างานร่วมกับเครือข่ายผู้ขนส่งสินค้าของประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นพื้นที่รองรับการรวบรวมและกระจายสินค้า และเพื่อช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ โดยโครงการมีขนาดพื้นที่ รวม 121 ไร่ 3 งาน 67.6 ตารางวา ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ตั้งอยู่ทิศใต้ของด่านพรมแดน และด่านศุลกากร นครพนม ใกล้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 ซึ่งเป็นถนนขนาด 6 ช่องจราจร และใกล้สะพานมิตรภาพไทย - ลาวแห่งที่ 3 รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.dlt.go.th/th

5 เม.ย. 2566 อ่านต่อ
Thumbnail
โครงการบริหารจัดการท่าเทียบเรือสาธารณะ เพื่อขนถ่ายสินค้าเหลว

กระทรวงเจ้าสังกัด กระทรวงอุตสาหกรรม หน่วยงานเจ้าของโครงการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระยะเวลาโครงการ 30 ปี วันที่ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน 9 ธันวาคม 2565 เอกชนคู่สัญญา บริษัท ไทยแทงค เทอมินัล จํากัด มูลค่าโครงการ ประมาณ 3,706 ล้านบาท รายละเอียดโครงการ โครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อการจัดการและประกอบกิจการท่าขนถ่ายสินค้าเหลว ในพื้นที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จำนวน 182 ไร่ ซึ่งมีท่าเทียบเรือขนถ่ายสินค้าเหลวจ้านวน 4 ท่า ซึ่งมีความยาวของหน้าท่าประมาณ 120 - 280 เมตร และเป็นท่าเทียบเรือที่สามารถ รองรับขนาดเรือได้ประมาณ 10,000 - 80,000 (DWT) โดยมีความลึกของระดับน้ำทะเลบริเวณหน้าท่าเทียบเรือประมาณ 12.50 เมตร โดยกลุ่มเป้าหมายคือลูกค้าทั้งภายในและภายนอกของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.ieat.go.th/th

9 ธ.ค. 2565 อ่านต่อ
Thumbnail
โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 6 สายบางปะอิน - นครราชศรีมา สำหรับให้เอกชนร่วมลงทุนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance: O&M)

กระทรวงเจ้าสังกัด กระทรวงคมนาคม หน่วยงานเจ้าของโครงการ กรมทางหลวง ระยะเวลาโครงการ 30 ปี วันที่ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน29 กันยายน 2564 เอกชนคู่สัญญา บริษัท บีจีเอสอาร์ 6 จำกัด ระยะเวลาโครงการ 30 ปี มูลค่าโครงการ ประมาณ 84,600 ล้านบาท รายละเอียดโครงการ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สายบางปะอิน - นครราชสีมา (M6) มีระยะทางรวมประมาณ 196 กิโลเมตร มีจุดเริ่มต้นเชื่อมต่อกับถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (กาญจนาภิเษก) ส่วนเหนือ อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และไปสิ้นสุดที่บริเวณทางเลี่ยงเมืองจังหวัดนครราชสีมา โดยมีด่านเก็บค่าธรรมเนียม 9 แห่ง ทางแยกต่างระดับ 10แห่ง ศูนย์บริการทางหลวง 1 แห่ง สถานที่บริการทางหลวง 2 แห่ง และจุดพักรถ 5 แห่ง โดยกำหนดไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสมตลอดแนวโครงการ เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564 กรมทางหลวงและบริษัท บีจีเอสอาร์ 6 จำกัด ได้ลงนามในสัญญาการให้เอกชนร่วมลงทุนในการดำเนินงานและบำรุงรักษาของโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สายบางปะอิน – นครราชสีมา โดยเอกชนเป็นผู้รับผิดชอบการออกแบบและก่อสร้างงานระบบและองค์ประกอบอื่นที่เกี่ยวข้องรวมถึงเป็นผู้ดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการทั้งหมด ขณะที่รัฐเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินที่เอกชนลงทุนก่อสร้างรวมถึงรายได้ทั้งหมดจากค่าธรรมเนียมผ่านทางและจ่ายค่าตอบแทนเป็นเงินค่าก่อสร้างงานระบบและองค์ประกอบอื่นที่เกี่ยวข้องตามเงื่อนไขที่กำหนด รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม : - http://www.doh-motorway.com/motorway-project/northeastern-route/m6/ - https://www.motorway.go.th/wp-content/uploads/2022/02/2565-02-02-สรุปสาระสำคัญของสัญญา-PPP-M6.pdf

29 ก.ย. 2564 อ่านต่อ
Thumbnail
โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 81 สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี สำหรับให้เอกชนร่วมลงทุนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance: O&M)

กระทรวงเจ้าสังกัด กระทรวงคมนาคม หน่วยงานเจ้าของโครงการ กรมทางหลวง ระยะเวลาโครงการ 30 ปี วันที่ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน 29 กันยายน 2564 เอกชนคู่สัญญา กลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR ระยะเวลาโครงการ 30 ปี มูลค่าโครงการ ประมาณ 55,620 ล้านบาท รายละเอียดโครงการ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี มีระยะทางรวมประมาณ 96 กิโลเมตร โดยมีจุดเริ่มต้นเชื่อมต่อกับถนนวงแหวนรอนนอกกรุงเทพมหานคร(ถนนกาญจนาภิเษก) ด้านตะวันตก อ.บางใหญ่จ.นนทบุรีและจุดสิ้นสุดอยู่บริเวณทางหลวงหมายเลข 324 (ถ.กาญจนบุรี อ.พนมทวน) จ.กาญจนบุรี โดยมีงานระบบและองค์ประกอบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง จำนวน 8 แห่งศูนย์ควบคุมกลาง ศูนย์ควบคุมด่าน ด่านชั่งน้ำหนักศูนย์ดำเนินงานและบำรุงรักษา หน่วยตรวจการและกู้ภัย สถานที่บริการทางหลวง กองกำกับและสถานีตำรวจทางหลวงจุดพักรถ งานโยธาและสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้อง เป็นต้นโครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการสําคัญตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2560 อนุมัติให้กระทรวงคมนาคมดำเนินงานโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่- กาญจนบุรี ในส่วนของการให้เอกชนร่วมลงทุนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance : O&M) ในรูปแบบ PPP Gross Cost ซึ่งเอกชนเป็นผู้ออกแบบและลงทุนค่าก่อสร้างงานระบบและองค์ประกอบอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยคณะรัฐมนตรีเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนโดยให้กลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกในการดำเนินโครงการ รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม : - http://www.doh-motorway.com/motorway-project/central-western-and-eastern-route/m81/ - https://www.motorway.go.th/wp-content/uploads/2022/02/2565-02-02-สรุปสาระสำคัญของสัญญา-PPP-M81.pdf

29 ก.ย. 2564 อ่านต่อ
Thumbnail
โครงการทางด่วนสายบางปะอิน - ปากเกร็ด

กระทรวงเจ้าสังกัด กระทรวงคมนาคม หน่วยงานเจ้าของโครงการ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ระยะเวลาโครงการ 30 ปี วันที่ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน - 27 กันยายน 2539 - 20 กุมภาพันธ์ 2563 (ฉบับแก้ไข โดยอายุสัญญาหมดปี 2578) เอกชนคู่สัญญา บริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (NECL) มูลค่าโครงการ N/A รายละเอียดโครงการ NECL เป็นผู้ดำเนินการออกแบบ จัดหาเงินทุน ก่อสร้าง ดำเนินการบริหาร และซ่อมแซมบำรุงรักษาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน - ปากเกร็ด จำนวน 2 ส่วนๆ ละ 2 ระยะ ดังนี้ ส่วนที่ 1 : แบบ 4 ช่องจราจร             (1) ระยะที่ 1 แจ้งวัฒนะ - เชียงราก เชื่อมต่อถนนของกรมทางหลวงเข้าสู่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต)                         (ก) แจ้งวัฒนะ - บางพูน                         (ข) บางพูน - เชียงราก             (2) ระยะที่ 2 เชียงราก - บางไทร ส่วนที่ 2 : แบบ 6 ช่องจราจร (มี 2 ระยะเช่นเดียวกับส่วนที่ 1)             รูปแบบโครงการ BTO (Build Transfer Operate) กทพ. จะจัดหาที่ดินและสิทธิในเขตทางที่ต้องการสำหรับการก่อสร้างทางด่วนให้เสร็จตามกำหนดและจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาบรรดางานก่อสร้างที่ NECL ได้ทำขึ้นรวมทั้งทางด่วนและสิ่งก่อสร้างถาวรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องหรือใช้ประโยชน์ในทางด่วน จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ กทพ. ทันที และเมื่อทางด่วนได้เปิดใช้งานแล้ว NECL มีสิทธิใช้งานและต้องดำเนินการบำรุงรักษาทางด่วน หรือส่วนหนึ่งส่วนใดที่เกี่ยวข้อง รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.exat.co.th/

20 ก.พ. 2563 อ่านต่อ
Thumbnail
โครงการให้สิทธิเอกชนร่วมลงทุนในสิทธิการเช่าอาคารศูนย์ประชุมและโรงแรม ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา

กระทรวงเจ้าสังกัด กระทรวงการคลัง หน่วยงานเจ้าของโครงการ บริษัท ธนารักษ์ พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ระยะเวลาโครงการ 21 ปี วันที่ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน 22 ธันวาคม 2560 เอกชนคู่สัญญา บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด มูลค่าโครงการ N/A รายละเอียดโครงการ วัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินและพื้นที่ ภายในโครงการศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ถนนแจ้งวัฒนะ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่รัฐ ลดความเสี่ยงกระแสรายรับในอนาคตของโครงการฯ อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนให้เอกชนที่มีแรงจูงใจในการลงทุนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการของรัฐอย่างต่อเนื่อง ธพส. จึงได้จัดทำโครงการให้สิทธิเอกชนร่วมลงทุนในสิทธิการเข่าอาคารศูนย์ประชุมและโรงแรม ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ซึ่งประกอบไปด้วย อาคารศูนย์ประชุมวายภักษ์ทรงกลม อาคารศูนย์ประชุมวายุภักษ์ทรงเหลี่ยม อาคารโรงแรม รวมพื้นที่จำนวน 43,503 ตารางเมตร โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนเป็นกลุ่มเป้าหมายผู้รับบริการ รายละเอียดเพิ่มเติม : - https://dad.co.th/handicap/news-detail.php?p=ldHR5Ts= - https://dad.co.th/home.php 

22 ธ.ค. 2560 อ่านต่อ
Thumbnail
โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง

กระทรวงเจ้าสังกัด กระทรวงคมนาคม หน่วยงานเจ้าของโครงการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ระยะเวลาโครงการ 30 ปี วันที่ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน 16 มิถุนายน 2560 เอกชนคู่สัญญา บริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด มูลค่าโครงการ ประมาณ 43,104 ล้านบาท (มูลค่าสัญญา) รายละเอียดโครงการ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง (โครงการฯ) เป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว Monorail โดยโครงการฯ มีจุดเริ่มต้นที่จุดเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงินระยะแรก) ที่แยกรัชดา- ลาดพร้าว ไปตามแนวถนนลาดพร้าวจนถึงแยกบางกะปิ จากนั้นแนวเส้นทางจะเบนไปทางทิศใต้ตามถนนศรีนครินทร์ เชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่ทางแยกลำสาลี เชื่อมต่อกับ Airport Rail Link บริเวณทางแยกพระราม 9 ไปตามแนวถนนศรีนครินทร์ ผ่านแยกพัฒนาการ แยกศรีนุช แยกศรีอุดมสุข แยกศรีเอี่ยม จนถึงแยกศรีเทพา จากนั้นแนวเส้นทางจะเบนไปทางทิศตะวันตกตามแนวถนนเทพารักษ์ ผ่านจุดเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ โดยจุดสิ้นสุดของเส้นทางบริเวณสถานีสำโรงระยะทางรวม 30 กิโลเมตร มีทั้งหมด 23 สถานี ศูนย์ซ่อมบำรุง 1 แห่ง และอาคารจอดและจร 1 แห่ง เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2560 รฟม. เข้าทำสัญญากับผู้รับสัมปทาน (บริษัท อิสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด) โดยภาครัฐลงทุนค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และเอกชนลงทุนค่างานโยธา ระบบรถไฟฟ้าและขบวนรถไฟฟ้า รวมทั้งบริการการเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงรักษา และอนุมัติวงเงินงบประมาณรายจ่ายของโครงการกรอบวงเงินสนับสนุนแก่เอกชนเป็นเงินสนับสนุนค่างานโยธา โดยทยอยจ่ายให้เอกชนหลังจากเริ่มให้บริการเดินรถแล้ว และแบ่งจ่ายเป็นรายปี โดยกำหนดระยะเวลาแบ่งจ่ายไม่ต่ำกว่า 10 ปี และเมื่อเอกชนมีผลประกอบการเกินกว่าระดับที่ตกลงกันแล้ว ควรพิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดส่วนแบ่งรายได้จากผลประกอบการที่ดีขึ้นด้วย รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม : https://mrta-yellowline.com/wp/

16 มิ.ย. 2560 อ่านต่อ
Thumbnail
โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี

กระทรวงเจ้าสังกัด กระทรวงคมนาคม หน่วยงานเจ้าของโครงการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ระยะเวลาโครงการ 30 ปี วันที่ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน 16 มิถุนายน 2560 เอกชนคู่สัญญา บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด มูลค่าโครงการ ประมาณ 45,764 ล้านบาท (มูลค่าสัญญา) รายละเอียดโครงการ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี (โครงการฯ) เป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว Monorailโดยโครงการฯ มีจุดเริ่มต้นที่จุดเชื่อมต่อกับแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่ - บางซื่อ) ช่วงบริเวณด้านหน้าศูนย์ราชการนนทบุรี บนถนนรัตนาธิเบศร์ เลี้ยวซ้ายผ่านแยกแคราย เข้าถนนติวานนท์ วิ่งตามถนนติวานนท์เลี้ยวขวาที่ทางแยกปากเกร็ด เข้าถนนแจ้งวัฒนะ ผ่านทางแยกหลักสี่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีแดง และผ่านวงเวียนอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว จากนั้นวิ่งเข้าถนนรามอินทราจนถึงทางแยกมีนบุรี แนวเส้นทางจะวิ่งตรงเข้าสู่ถนนสีหบุรานุกิจ จากนั้นเลี้ยวขวาไปทางทิศใต้ ข้ามคลองสามวาและข้ามคลองแสนแสบ วิ่งตัดข้ามถนนรามคำแหง และลอดแนวรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เข้าสถานีมีนบุรี ที่เชื่อมต่อกับสายสีส้ม รวมระยะทาง 34.5 กิโลเมตร มีสถานีจำนวน 30 สถานี ศูนย์ซ่อมบำรุง 1 แห่ง อาคารจอดและจร 1 แห่ง  เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2560 รฟม. เข้าทำสัญญากับผู้รับสัมปทาน (บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด) โดยภาครัฐลงทุนค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และเอกชนลงทุนค่างานโยธา ระบบรถไฟฟ้าและขบวนรถไฟฟ้า รวมทั้งบริการการเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงรักษา และอนุมัติวงเงินงบประมาณรายจ่ายของโครงการกรอบวงเงินสนับสนุนแก่เอกชนเป็นเงินสนับสนุนค่างานโยธา โดยทยอยจ่ายให้เอกชนหลังจากเริ่มให้บริการเดินรถแล้ว และแบ่งจ่ายเป็นรายปี โดยกำหนดระยะเวลาแบ่งจ่ายไม่ต่ำกว่า 10 ปี และเมื่อเอกชนมีผลประกอบการเกินกว่าระดับที่ตกลงกันแล้ว ควรพิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดส่วนแบ่งรายได้จากผลประกอบการที่ดีขึ้นด้วย รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.mrta-pinkline.com/

16 มิ.ย. 2560 อ่านต่อ
Thumbnail
โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ

กระทรวงเจ้าสังกัด กระทรวงคมนาคม หน่วยงานเจ้าของโครงการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลแห่งประเทศไทย ระยะเวลาโครงการ 30 ปี วันที่ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน 4 กันยายน 2556 เอกชนคู่สัญญา บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) มูลค่าโครงการ ประมาณ 60,185 ล้านบาท รายละเอียดโครงการ มีระยะทาง 23 กิโลเมตร แนวเส้นทางโครงสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ เริ่มจากบริเวณคลองบางไผ่ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า ถนนวงแหวนรอบนอก (ตะวันตก) กาญจนาภิเษก เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนรัตนาธิเบศร์ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้สะพานพระนั่งเกล้า ก่อนถึงสี่แยกแครายจะเลี้ยวขวาไปตามถนนติวานนท์ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนกรุงเทพ - นนทบุรี ถึงบริเวณแยกเตาปูน มีสถานีเตาปูนเป็นสถานีเชื่อมต่อกับสถานีบางซื่อของรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล (รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT) และในอนาคตจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ - ท่าพระ และรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.mrta.co.th/th/chalong-ratchadham

4 ก.ย. 2556 อ่านต่อ
Thumbnail
โครงการทางพิเศษศรีรัช - วงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานคร

กระทรวงเจ้าสังกัด กระทรวงคมนาคม หน่วยงานเจ้าของโครงการ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ระยะเวลาโครงการ 30 ปี วันที่ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน 14 กันยายน 2555 เอกชนคู่สัญญา บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ชื่อเดิม: บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BECL)) มูลค่าโครงการ N/A รายละเอียดโครงการ BECL จะเป็นผู้ออกแบบก่อสร้าง จัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ระบบต่างๆ เพื่อก่อสร้างทางพิเศษและระบบทางพิเศษ รวมถึงบริหารจัดการ ให้บริการ และบำรุงรักษาทางพิเศษและระบบทางพิเศษ เพื่อให้ได้รับเงินรายได้ค่าผ่านทาง ทั้งนี้ BECL จะเป็นผู้รับผิดชอบในค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยจะจัดหาเงินทุนเอง โดย กทพ. เป็นผู้จัดกรรมสิทธิ์หรือสิทธิในการใช้ที่ดินให้ BECL ใช้ก่อสร้างทางพิเศษ รูปแบบโครงการ BTO (Build Transfer and Operate) กทพ. จะเป็นผู้จัดกรรมสิทธิ์หรือสิทธิในการใช้ที่ดิน สำหรับที่ดินที่ต้องใช้ในการก่อสร้างและการดำเนินงาน เพื่อให้ BECL ได้รับสิทธิและสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยค่าใช้จ่ายของ กทพ. บรรดางานก่อสร้างที่ BECL ได้ทำขึ้น รวมทั้งทางพิเศษ ระบบทางพิเศษ ถนนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องและสิ่งก่อสร้างถาวรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องหรือใช้ประโยชน์ในทางพิเศษจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ กทพ. ทันทีในวันเปิดดำเนินการโครงการ หรือวันเปิดใช้ทางพิเศษ BECL มีสิทธิใช้งานและมีหน้าที่ดำเนินการบำรุงรักษาทางพิเศษ ระบบทางพิเศษ และสิ่งก่อสร้างถาวรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือใช้ประโยชน์ในทางพิเศษและระบบทางพิเศษตามแผนและมาตรการที่เสนอไว้ แบ่งการดำเนินการเป็น ๒ ระยะ คือ ระยะที่ 1 การออกแบบและก่อสร้าง และระยะที่ 2 การบริหารจัดการ การให้บริการ โดยในระยะที่ 1 การออกแบบก่อสร้างทางพิเศษมีระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี และการให้บริการทางพิเศษซึ่งมีระยะเวลา 26 ปี ระยะเวลาเริ่มต้นนับจากวันที่มีหนังสือแจ้งให้เริ่มดำเนินงาน คือวันที่ 15 ธันวาคม 2555 และระยะเวลาสิ้นสุดตามสัญญา คือ 15 ธันวาคม 2585 BECL เป็นผู้มีหน้าที่ออกแบบก่อสร้างทางพิเศษและระบบที่เกี่ยวข้องโดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดย กทพ. มีหน้าที่จัดหาที่ดินให้บริษัทใช้ก่อสร้างรวมถึงให้การสนับสนุนประสานงานกับหน่วยงานรัฐอื่นๆ ในด้านต่างๆ เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ BECL จะมีสิทธิในการให้บริการและเก็บเงินค่าผ่านทางจนหมดระยะเวลาสัมปทาน รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.exat.co.th/project/ศรีรัช-วงแหวนรอบนอก/

14 ก.ย. 2555 อ่านต่อ
Thumbnail
โครงการครัวการบิน (Catering Services) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (รายบริษัท การบินไทย จำกัด)

กระทรวงเจ้าสังกัด กระทรวงคมนาคม หน่วยงานเจ้าของโครงการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ระยะเวลาโครงการ 34 ปี วันที่ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน 10 มีนาคม 2551 เอกชนคู่สัญญา บริษัท การบินไทย จำกัด (บริษัทฯ) มูลค่าโครงการ N/A รายละเอียดโครงการ วัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อการดำเนินงาน และให้บริการโครงการครัวการบิน (Catering Services) ภายในและสำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัทฯ ได้รับสิทธิให้เข้าดำเนินโครงการครัวการบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีขอบเขตการให้บริการ ดังนี้             1. การจัดเตรียมอาหารสำหรับการให้บริการเที่ยวบิน (Preparation and Assembly of Flight Meals)             2. การจัดเก็บอุปกรณ์ครัว และอุปกรณ์อื่น ๆ (Storage of Catering Equipment and Supplies)            3. การจัดหาสินค้าอื่น ๆ เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ดอกไม้ ของที่ระลึก และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ (Cabin Supplies)             4. การบริการซักรีดที่ใช้ในเที่ยวบิน (Laundry Services for in flight Linens)             5. การขนส่งอาหารและสินค้าอื่น ๆ (Handling of Catering Loads and Cabin Supplies) บริษัทฯ ตกลงที่จะทำสัญญาเช่าที่ดินกับ ทอท. เป็นสัญญาแยกต่างหาก รูปแบบโครงการ BTO (Build Transfer and Operate) โดยบรรดาสิ่งปลูกสร้างและส่วนควบต่าง ๆ ของอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่บริษัทฯ สร้างขึ้นตามสัญญานี้ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐทันทีนับแต่การก่อสร้างเสร็จสิ้น บริษัทฯ ต้องดูแลและบำรุงรักษาอาคารสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งอุปกรณ์และระบบให้สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.airportthai.co.th/th/home/ 

10 มี.ค. 2551 อ่านต่อ
Thumbnail
โครงการอุปกรณ์บริการภาคพื้นและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการซ่อมบำรุง ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (รายบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)

กระทรวงเจ้าสังกัดกระทรวงคมนาคม หน่วยงานเจ้าของโครงการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ระยะเวลาโครงการ 34 ปี วันที่ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน 10 มีนาคม 2551 เอกชนคู่สัญญา บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มูลค่าโครงการ N/A รายละเอียดโครงการ บริษัทฯ ได้รับสิทธิให้เข้าดำเนินโครงการ GSE ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีขอบเขตการให้บริการ ดังนี้             1. กิจการบริการภาคพื้นสำหรับอากาศยานและผู้โดยสาร ครอบคลุมกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การให้บริการรถบันได การให้บริการทำความ สะอาดห้องสุขา การให้บริการน้ำเพื่อการบริโภคบนอากาศยาน การให้บริการผลักและดันอากาศ การให้บริการสตาร์ทเครื่องอากาศยาน การให้บริการลากอากาศยาน การให้บริการรถเวียนแก่ผู้โดยสาร และลูกเรือ บริการเปิดและปิดประตูของอากาศยาน การจัดการลำเลียง และคัดแยกสัมภาระ การจัดการและคัดแยกจดหมาย การขนส่งอาหารระหว่างอากาศยานและพื้นที่ประกอบการ การขนส่งสินค้าระหว่างอากาศยานและอาคารคลังสินค้า จัดระวางบรรทุกสินค้าภายในอากาศยาน บริการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าและความเย็นแก่อากาศยาน บริการอุปกรณ์ภาคพื้น เช่น แผ่น Pallet ตู้ Container รถ Dolly รถลาก             2. กิจการบริการซ่อมบำรุงอุปกรณ์บริการภาคพื้นเป็นการบำรุงรักษาและซ่อมแซมอุปกรณ์ทั้งหมดที่ใช้ในการให้บริการภาคพื้นแก่อากาศยาน เช่น รถบันได รถลากสัมภาระ รถลากและดันอากาศยาน เป็นต้น บริษัทฯ ตกลงที่จะทำสัญญาเช่าที่ดินกับ ทอท. เป็นสัญญาแยกต่างหาก รูปแบบโครงการ BTO (Build Transfer and Operate) โดยบรรดาสิ่งปลูกสร้างและส่วนควบต่าง ๆ ของอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่บริษัทฯ สร้างขึ้นตามสัญญานี้ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐทันทีนับแต่การก่อสร้างเสร็จสิ้น บริษัทฯ ต้องดูแลและบำรุงรักษาอาคารสิ่งปลูกสร้างและส่วนควบต่าง ๆ ของอาคารและสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งอุปกรณ์และระบบให้สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.airportthai.co.th/th/home/

10 มี.ค. 2551 อ่านต่อ
Thumbnail
โครงการสัญญาลงทุนก่อสร้าง บริหาร และประกอบการท่าเทียบเรือ เอ 3 ซี 1 ซี 2 ดี 1 ดี 2 และ ดี 3 ณ ท่าเรือแหลมฉบัง

กระทรวงเจ้าสังกัด กระทรวงคมนาคม หน่วยงานเจ้าของโครงการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ระยะเวลาโครงการ 30 ปี วันที่ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน 6 ตุลาคม 2547 เอกชนคู่สัญญา บริษัท ฮัทชิสัน แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด (HLT) (บริษัทฯ) มูลค่าโครงการ N/A รายละเอียดโครงการ วัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการขนส่งสินค้าทางทะเล โดยบริษัทฯ ต้องก่อสร้างท่าเทียบเรือ A3 ภายใน 18 เดือน ท่าเทียบเรือชุด C (C1 และ C2) 36 เดือน ท่าเทียบเรือชุด D (D1, D2 และ D3) เมื่อมีปริมาณตู้สินค้าผ่านท่าเทียบเรือที่ได้เปิดดำเนินการแล้วมากกว่า 75% ของความสามารถในการขนถ่ายสินค้าของท่าเทียบเรือที่ได้เปิดดำเนินการแล้วไม่เกิน 7 ปี เรือทุกลำจะต้องใช้บริการนำร่องตามกฎ ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศใด ๆ ของกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชนาวี ที่กำหนดให้ใช้นำร่องในการเคลื่อนย้ายเรือภายในท่าเรือ รวมทั้งการเทียบท่าและออกจากท่า ทั้งนี้ ในปัจจุบันกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวีจะเป็นผู้จัดเจ้าพนักงานนำร่องและบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ โดยที่ กทท. ไม่มีหน้าที่ให้บริการในเรื่องดังกล่าวนี้แต่อย่างใด เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การปฏิบัติเป็นอย่างอื่น เรือทุกลำจะต้องใช้บริการเรือลากจูงตามกฎ ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศใด ๆ ที่กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวีกำหนดในการนำเรือเข้า -  ออกจากท่าเรือ รวมทั้งการเทียบท่าและออกจากท่า โดย กทท. หรือบริษัทที่ กทท. มอบหมาย จะเป็นผู้ให้บริการด้านเรือลากจูง บริษัทฯ ต้องใช้ท่าเทียบเรือ C1, C2, D1, D2 และ D3 เพื่อการรับ/ส่งมอบ เก็บรักษา และบรรทุก/ ขนถ่าย เฉพาะสินค้าในระบบตู้สินค้าเท่านั้น หากบริษัทฯ ประสงค์ที่จะดำเนินการในระบบอื่นจะต้องได้รับความเห็นชอบเป็นหนังสือจาก กทท. ก่อน และบริษัทฯ จะต้องใช้ท่าเทียบเรือ A3 เพื่อเป็นท่าเรือเอนกประสงค์ โดยให้สามารถขนส่งตู้สินค้าและสินค้าทั่วไป รูปแบบโครงการ BOT (Build Operate Transfer) กทท. จะมอบพื้นที่ท่าเทียบเรือทั้งหมดตามสัญญาให้บริษัทฯ เพื่อใช้ประกอบการภายใน 15 วัน นับจากวันลงนามในสัญญา บริษัทฯ จะต้องจัดหาบรรดาเครื่องมืออุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมทั้งหมดเท่าที่จำเป็นสำหรับการประกอบกิจการท่าเทียบเรือ และเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในบรรดาทรัพย์สินที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เครื่องมืออุปกรณ์ที่จัดหามาใช้งานในท่าเทียบเรือตลอดอายุสัญญา หลังจากสัญญาได้สิ้นสุดลงไม่ว่ากรณีใด ให้บรรดาอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ทั้งหมดต้องตกเป็นทรัพย์สินของ กทท. ทันที ส่วนสังหาริมทรัพย์ กทท. มีสิทธิที่จะซื้อทั้งหมดหรือบางส่วนตามราคามูลค่าทางบัญชีที่ได้หักค่าเสื่อมราคาสะสมตามระยะเวลาการใช้งานแล้ว หรือต่ำกว่านั้น รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม : https://lcp.port.co.th/cs/internet/lcp/index.html

6 ต.ค. 2547 อ่านต่อ
Thumbnail
โครงการระบบให้บริการเชื้อเพลิงอากาศยาน (Into - plane services) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (รายบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน))

กระทรวงเจ้าสังกัด กระทรวงคมนาคม หน่วยงานเจ้าของโครงการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ระยะเวลาโครงการ 20 ปี วันที่ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน 10 มีนาคม 2547 เอกชนคู่สัญญา บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) มูลค่าโครงการ N/A รายละเอียดโครงการ บริษัทฯ ได้รับสิทธิให้เข้าดำเนินโครงการ Into - Plane ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีขอบเขตการให้บริการ ดังนี้             1. บริการเติมเชื้อเพลิงอากาศยานทั้งแบบอาศัยท่อส่งเชื้อเพลิงใต้พื้นดิน และไม่อาศัยท่อส่งเชื้อเพลิงใต้พื้นดิน             2. บริการถ่ายเชื้อเพลิงอากาศยาน บริษัทฯ ตกลงที่จะทำสัญญาเช่าที่ดินกับ ทอท. เป็นสัญญาแยกต่างหาก รูปแบบโครงการ BTO (Build Transfer and Operate)  โดยบรรดาสิ่งปลูกสร้างและส่วนควบต่างๆ ของอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่บริษัทฯ สร้างขึ้นตามสัญญานี้ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐทันทีนับแต่การก่อสร้างเสร็จสิ้น บริษัทฯ ต้องดูแลและบำรุงรักษาอาคารสิ่งปลูกสร้างและส่วนควบต่างๆ ของอาคารและสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งอุปกรณ์และระบบให้สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.airportthai.co.th/th/home/

10 มี.ค. 2547 อ่านต่อ
Thumbnail
โครงการระบบให้บริการเชื้อเพลิงอากาศยาน (Into - plane services) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (บริษัท เอเอสไอจี (ไทยแลนด์) จำกัด)

กระทรวงเจ้าสังกัด กระทรวงคมนาคม หน่วยงานเจ้าของโครงการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ระยะเวลาโครงการ 20 ปี วันที่ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน 10 มีนาคม 2547 เอกชนคู่สัญญา บริษัท เอเอสไอจี (ไทยแลนด์) จำกัด (บริษัทฯ) มูลค่าโครงการ N/A รายละเอียดโครงการ บริษัทฯ ได้รับสิทธิให้เข้าดำเนินโครงการ Into - Plane ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีขอบเขตการให้บริการ ดังนี้             1. บริการเติมเชื้อเพลิงอากาศยานทั้งแบบอาศัยท่อส่งเชื้อเพลิงใต้พื้นดิน และไม่อาศัยท่อส่งเชื้อเพลิงใต้พื้นดิน             2. บริการถ่ายเชื้อเพลิงอากาศยาน บริษัทฯ ตกลงที่จะทำสัญญาเช่าที่ดินกับ ทอท. เป็นสัญญาแยกต่างหาก รูปแบบโครงการ BTO (Build Transfer and Operate)  โดยบรรดาสิ่งปลูกสร้างและส่วนควบต่างๆ ของอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่บริษัทฯ สร้างขึ้นตามสัญญานี้ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐทันทีนับแต่การก่อสร้างเสร็จสิ้น บริษัทฯ ต้องดูแลและบำรุงรักษาอาคารสิ่งปลูกสร้างและส่วนควบต่างๆ ของอาคารและสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งอุปกรณ์และระบบให้สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.airportthai.co.th/th/home/

10 มี.ค. 2547 อ่านต่อ
Thumbnail
โครงการครัวการบิน (Catering Services) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (รายบริษัท แอล เอส จี สกายเซฟส์ จำกัด)

กระทรวงเจ้าสังกัด กระทรวงคมนาคม หน่วยงานเจ้าของโครงการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ระยะเวลาโครงการ 20 ปี วันที่ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน 10 มีนาคม 2547 เอกชนคู่สัญญา บริษัท แอล เอส จี สกายเซฟส์ จำกัด (บริษัทฯ) มูลค่าโครงการ N/A รายละเอียดโครงการ วัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อการดำเนินงาน และให้บริการโครงการครัวการบิน (Catering Services) ภายในและสำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัทฯ ได้รับสิทธิให้เข้าดำเนินโครงการครัวการบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีขอบเขตการให้บริการ ดังนี้             1. การจัดเตรียมอาหารสำหรับการให้บริการเที่ยวบิน (Preparation and Assembly of Flight Meals)             2. การจัดเก็บอุปกรณ์ครัว และอุปกรณ์อื่น ๆ (Storage of Catering Equipment and Supplies)             3. การจัดหาสินค้าอื่น ๆ เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ดอกไม้ ของที่ระลึก และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ (Cabin Supplies)             4. การบริการซักรีดที่ใช้ในเที่ยวบิน (Laundry Services for in flight Linens)             5. การขนส่งอาหารและสินค้าอื่น ๆ (Handling of Catering Loads and Cabin Supplies)   บริษัทฯ ตกลงที่จะทำสัญญาเช่าที่ดินกับ ทอท. เป็นสัญญาแยกต่างหาก รูปแบบโครงการ BTO (Build Transfer and Operate) โดยบรรดาสิ่งปลูกสร้างและส่วนควบต่าง ๆ ของอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่บริษัทฯ สร้างขึ้นตามสัญญานี้ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐทันทีนับแต่การก่อสร้างเสร็จสิ้น บริษัทฯ ต้องดูแลและบำรุงรักษาอาคารสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งอุปกรณ์และระบบให้สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.airportthai.co.th/th/home/

10 มี.ค. 2547 อ่านต่อ
Thumbnail
โครงการครัวการบิน (Catering Services) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (รายบริษัท ครัวการบินกรุงเทพ จำกัด)

กระทรวงเจ้าสังกัด กระทรวงคมนาคม หน่วยงานเจ้าของโครงการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ระยะเวลาโครงการ 20 ปี วันที่ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน 10 มีนาคม 2547 เอกชนคู่สัญญา บริษัท ครัวการบินกรุงเทพ จำกัด (บริษัทฯ) มูลค่าโครงการ N/A รายละเอียดโครงการ วัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อการดำเนินงาน และให้บริการโครงการครัวการบิน (Catering Services) ภายในและสำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัทฯ ได้รับสิทธิให้เข้าดำเนินโครงการครัวการบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีขอบเขตการให้บริการ ดังนี้             1. การจัดเตรียมอาหารสำหรับการให้บริการเที่ยวบิน (Preparation and Assembly of Flight Meals)             2. การจัดเก็บอุปกรณ์ครัว และอุปกรณ์อื่น ๆ (Storage of Catering Equipment and Supplies)             3. การจัดหาสินค้าอื่น ๆ เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ดอกไม้ ของที่ระลึก และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ (Cabin Supplies)             4. การบริการซักรีดที่ใช้ในเที่ยวบิน (Laundry Services for in flight Linens)             5. การขนส่งอาหารและสินค้าอื่น ๆ (Handling of Catering Loads and Cabin Supplies) บริษัทฯ ตกลงที่จะทำสัญญาเช่าที่ดินกับ ทอท. เป็นสัญญาแยกต่างหาก รูปแบบโครงการ BTO (Build Transfer and Operate) โดยบรรดาสิ่งปลูกสร้างและส่วนควบต่าง ๆ ของอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่บริษัทฯ สร้างขึ้นตามสัญญานี้ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐทันทีนับแต่การก่อสร้างเสร็จสิ้น บริษัทฯ ต้องดูแลและบำรุงรักษาอาคารสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งอุปกรณ์และระบบให้สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.airportthai.co.th/th/home/

10 มี.ค. 2547 อ่านต่อ